top of page
Search

ปรับกลยุทธ์รับ Cookieless World นักการตลาดจะทำอย่างไร หากโลกจะไม่เก็บคุกกี้อีกต่อไป

ทุกวันนี้เมื่อเราเข้าเว็บมักจะเห็น Pop Up เด้งขึ้นมาถามให้เรายอมรับการเก็บข้อมูล Cookie สิ่งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้ก่อนเก็บข้อมูลผ่านคุกกี้ เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าเว็บไซต์มีการใช้คุกกี้ต่อมาในหลายๆ ประเทศได้ออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะคล้ายกันนี้


ในไทยเราเอง ก็ได้มีการออกพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งเป็นรูปคล้ายคลึงกัน สิ่งนี้เป็นหนึ่งในความท้าทายที่นักการตลาดจำเป็นต้องปรับตัว ในอดีต เราสามารถเก็บข้อมูลต่างๆไม่จำกัด เราใช้ข้อมูลทำการตลาดได้เต็มที่ เมื่อเราไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ในรูปแบบเดิมแล้ว เราจึงต้องเริ่มปรับตัว จึงเป็นที่มาของบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางว่าเราจะมีวิธีการในการปรับตัวอย่างไรในยุคที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญมากขึ้น


การใช้ประโยชน์จากข้อมูล Primary Data


primary data

แทนที่จะพึ่งพาคุกกี้เพียงอย่างเดียว ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่สามารถเก็บรวบรวมได้เองโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการลงทะเบียนสมาชิกหรือการสมัครรับจดหมายข่าว ข้อมูลประเภทนี้ เช่น อีเมลและประวัติการซื้อ มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากผู้ใช้ให้ข้อมูลจริงด้วยความสมัครใจ 


เรายังสามารถใช้ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ที่เก็บผ่านเครื่องมือวิเคราะห์เช่น Google Analytics หรือจะรวมข้อมูลจากความคิดเห็นรีวิวที่ผู้ใช้โพสต์บนเว็บไซต์โดยตรง แม้จะมีข้อกำหนดด้านคุกกี้ แต่โลกของเราก็พัฒนาเครื่องมือต่างๆ มาให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นข้อมูลอะไรที่เราเก็บได้เองเราก็สามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพได้



สร้างกลยุทธ์ในการเก็บข้อมูลเชิงรุก


กลยุทธ์การเก็บข้อมูลเชิงรุก

ถ้าเราเก็บข้อมูลไม่ได้จาก Cookie ทำไมเราไม่ลองปรับเปลี่ยนมุมมองและนำกลยุทธ์เชิงรุกมาใช้ล่ะ? เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้พวกเขาแบ่งปันข้อมูลด้วยความเต็มใจ โดยการเสนออะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเขา เพื่อที่จะจูงใจให้กรอกข้อมูลให้กับเรา


ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เราสามารถใช้ได้


เสนอสิ่งจูงใจแลกกับข้อมูล


  • การให้ของตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ สามารถกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าอยากแบ่งข้อมูลกับเรามากขึ้น ลองนึกภาพว่าคุณเข้าไปในเว็บไซต์หนึ่งและเห็นป๊อปอัพแจกคูปองลด 20 บาท เอาไปใช้แลกเป็นคูปองซื้อของใน 7-11 แลกกับการกรอกอีเมล์ ก็น่าจะคุ้มค่า เราอาจเสนอ E-Book ฟรี แจกส่วนลด หรือให้สิทธิพิเศษบางอย่าง เพื่อแลกกับข้อมูลพื้นฐานอย่างอีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือการตอบแบบสอบถามสั้นๆ วิธีนี้ช่วยให้เราได้ข้อมูลที่ต้องการ ในขณะที่ลูกค้าก็ได้รับประโยชน์ตอบแทนที่พวกเขาพอใจ


สร้างชุมชนออนไลน์


  • การสร้างพื้นที่ให้กลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกันได้มาร่วม เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเก็บข้อมูลอย่างแนบเนียน ยกตัวอย่างถ้าคุณเป็นบริษัทขายเครื่องครัว คุณสร้างกลุ่ม Facebook เพื่อให้คนรักการทำอาหาร แบ่งปันสูตรอาหาร เคล็ดลับการทำครัว และพูดคุยเรื่องอุปกรณ์ทำอาหารใหม่ๆ หากเป็นกลุ่มที่มีจำนวนคนเยอะขึ้นมา คงจะมีเหล่าคนทำอาหารอยากเข้าร่วมมากยิ่งขึ้นเรื่อง ซึ่งเราสามารถเก็บข้อมูลจากการสมัครสมาชิกก่อนเข้ากลุ่มได้ 


การใช้ Chatbots ในการเก็บข้อมูล


  • ปัจจุบันหลายองค์กรได้นำ Chatbots มาใช้ในการเก็บข้อมูลลูกค้า วิธีนี้เห็นได้ชัดเจนเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือจากบริการต่างๆ โดยมักเริ่มต้นด้วยการให้เราทักหา Chatbots ก่อน จากนั้นระบบจะสอบถามข้อมูลเบื้องต้นของเรา แล้วจึงถามว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือ Chatbots จะพยายามให้ความช่วยเหลือแบบอัตโนมัติก่อน หากเราต้องการคุยกับฝ่ายบริการลูกค้าจริงๆ จึงจะส่งต่อไปยังพนักงานที่เป็นคน วิธีการนี้ช่วยให้องค์กรสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้


 

เริ่มทำ Contextual Advertising แทนการใช้ข้อมูลพฤติกรรม


contextual advertising

Contextual Advertising คือการโฆษณาที่แสดงโฆษณาตามบริบทของเนื้อหาที่ผู้ใช้กำลังดูอยู่ แทนที่จะใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ในอดีต วิธีการทำงานคือการวิเคราะห์เนื้อหาของเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้กำลังดูอยู่ในขณะนั้น และใช้ Keywords หัวข้อเนื้อหา และบริบทที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นๆ เพื่อเลือกโฆษณาที่เหมาะสมมาแสดงให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์



วิเคราะห์ข้อมูลจาก Social Media


social media

ทุกวันนี้การวิเคราะห์ข้อมูลกลายเป็นเรื่องที่หลายๆ องค์กรเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น เราสามารถใช้ข้อมูลจาก Social Media  มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ในการเก็บรวบรวมและนำมาวิเคราะห์ได้ จะขออนุญาตยกตัวอย่างหนึ่งใน Solution ของเราคือ Sondhana เป็นเครื่องมือวิเคราะห์การตลาด ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook โดยเก็บข้อมูล Comments มาวิเคราะห์ เอามาวิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ได้อย่างครบถ้วนและแม่นยำ เป็นตัวช่วยที่จะทำให้ธุรกิจเข้าใจตลาดและพัฒนาบริการได้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น



ปรับปรุงวิธีในการสกัดข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น


machine learning

แม้ว่าจะดูเหมือนขัดแย้งกันเมื่อเราพูดถึงการปรับปรุงวิธีสกัดและวิเคราะห์ข้อมูลในขณะที่การเก็บข้อมูลทำได้ยากขึ้น แต่เราสามารถพัฒนาคุณภาพของข้อมูลที่เก็บได้แม้จะมีปริมาณน้อยลง ตัวอย่างเช่น จากกลยุทธ์เดิมที่แจก E-Book เพื่อให้ลูกค้าใส่อีเมล เราสามารถเพิ่มการสุ่มแจกหนังสือที่เกี่ยวข้องกับ E-Book นั้นๆ เพื่อจูงใจให้ลูกค้ากรอกข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ทำให้เราได้ข้อมูลที่มีคุณค่ามากขึ้น ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เราสามารถพัฒนาจากการใช้สถิติพื้นฐานไปสู่การใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การนำ Machine Learning มาใช้เพื่อทำ Deep Learning ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


 

บทสรุป

แม้การที่เราเก็บข้อมูลได้น้อยลงเหมือนเป็นความท้าทายที่เราต้องปรับตัว แต่ก็ให้มองว่ามันก็เป็นโอกาสอันดีที่จะปรับปรุงกลยุทธ์การใช้ข้อมูลที่เรามีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น เมื่อปริมาณน้อยลง เราสามารถโฟกัสกับการเพิ่มคุณภาพและความแม่นยำของข้อมูลที่เก็บได้ แทนที่จะพึ่งพาข้อมูลจากคุกกี้ เราสามารถสร้างกลยุทธ์ที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้ามากขึ้น ท้ายสุดแล้วใครจะรู้ มันอาจนำไปสู่การคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการใช้ข้อมูลที่มีอยู่ก็ได้


 

 
 
 

Comentários


bottom of page